ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดรายวันครั้งใหม่ในวันอังคาร ขณะที่การระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่กระจายรวดเร็ว ทำให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาาบาลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ว่า ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งร้ายแรงสุด โดยสาเหตุหลักเกิดจากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และแผนกผู้ป่วยฉุกเฉิน สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ
นายโดมินิค เพอร์รอตเตท มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า ออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในวันอังคาร รวมทั้งหมด 77 ราย สูงทำลายสถิติแห่งชาติ 57 รายเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิต 36 รายอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เป็นสถิติเสียชีวิตรายวันสูงสุดใหม่ของรัฐเช่นกัน
เพอร์รอตเตท เผยอีกว่า ผู้เสียชีวิตล่าสุดในรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีเพียง 4 รายที่ฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ทำให้เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐ ต้องประกาศเรียกร้องให้ประชาชน รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3
ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ล่าสุด ในรัฐควีนส์แลนด์ 16 ราย ไม่มีใครฉีดวัคซีนบูสเตอร์ และในจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในเขตรัฐ ทั้งหมด 45 ราย นับตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีเพียงรายเดียว ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3
นายเกร็ก ฮันท์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย เผยว่า การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ สูงขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลรัฐ รัฐบาลกลางได้เริ่มดำเนินการแผนใหม่ สำหรับโรงพยบาลเอกชน ด้วยการเสริมเจ้าหน้าที่พยาบาล 57,000 คน และเจ้าหน้าที่สนับสนุนกว่า 100,000 คน ในรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนมากที่สุด
แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ใหม่ในประเทศ 73,000 คน ในระยะ 24 ชั่วโมงจนถึงวันอังคาร ตัวเลขลดลงจากสถิติสูงสุดรายวัน ประมาณ 150,000 คน เมื่อวันที่ 13 ม.ค. และจนถึงขณะนี้ จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมในออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.6 ล้านคน โดย 1.3 ล้านคน ติดเชื้อในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 2,776 ราย
อ้างอิง
